วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

อัจฉริยะ จบแค่ ป.4 Hack ระบบ ATM ธนาคาร โอนเงินเข้ามือถือ



แกะรอยรวบโจรไฮเทค จบแค่ ป.4 แต่ใช้อินเตอร์เน็ทบนมือถือเจาะระบบเอทีเอ็ม ยักเงินเติมยอดในซิมการ์ดมือถือ เจ้าของบัญชีงงตาแตกถูกตอดเงินเป็นระยะสูญเป็นแสน แถมผู้เสียหายมีอีกหลายราย ตร.ออกหาข่าวอยู่นาน กระทั่งพบคนร้ายนำซิมการ์ดหลายร้อยใบมาขายที่ ?ไนท์พลาซ่า? เปิดเกมส์แกะรอย พบพิรุธเงินไหลผ่านมือถือผิดสังเกต แถมเปิดโต๊ะเติมเงินมือถือที่บ้านเกิด-ลูกค้าเพียบ บุกค้นบ้านพบหลักฐานมัด เจ้าตัวรับทำมา 4 ปีแต่ไม่รวย ด้านผู้ประกอบการเตือนอย่าหลงเชื่อเติมเงินราคาถูก

       เมื่อวันที่ 9 ก.พ. พ.ต.อ.นริศ ละม้ายอินทร์ ผกก.สภ.อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ได้รับการประสานขอกำลังจากพ.ต.ท.ธนะรัตน์ ชุมสวัสดิ์ รอง ผกก.สส.ศสส.ภ.5 เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 8 ก.พ. เพื่อนำหมายศาลจังหวัดอ่างทองที่ 29/2549 เข้าตรวจค้นและจับกุมนายชัยยศ ฉัตรอมรวิเศษ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 526 หมู่ 6 ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ ผู้ต้องหาก่อคดีลักทรัพย์โดยใช้โทรศัพท์มือถือเจาะรหัสข้อมูลโอนเงินจากตู้ เอทีเอ็มธนาคารเป็นค่าเติมเงินโทรศัพท์ เหตุเกิดที่ สภ.อ.แม่ปิง จ.เชียง ใหม่ และอีกหลายท้องที่ ตั้งแต่ปี 2545-2549 ต่อเนื่องกัน

        จากการตรวจค้นพบซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือทุกระบบของบริษัท เอไอเอส ดีแทค ออเร้นจ์ ที่มีอยู่นับร้อยใบ สมุดบันทึกโทรศัพท์มือถือของลูกค้า รหัสผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคารต่าง ๆ หลายร้อยรหัส บัตรเติมเงินที่ใช้แล้ว ภาพโป๊ และเกมที่ดาวน์โหลดมาจากอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ ที่ไรต์ลงแผ่นซีดีเพื่อจำหน่าย ทั้งนี้ภายหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ศสส.ภ.5 ได้ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนและขยายผลที่ จ.เชียงใหม่ทันที

         แหล่งข่าวจากชุดจับกุม เปิดเผยว่าการตรวจค้นและจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากพนัก งานสอบสวน สภ.อ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายซึ่งเป็นนักธุรกิจว่าเมื่อช่วงราว 2 อาทิตย์ก่อน หลังจากนำสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพประเภทออมทรัพย์ไปตรวจสอบเพื่อปรับ ตัวเลขในบัญชี แต่พบว่ายอดเงินฝากถูกถอนออกไปจากบัญชีหลายครั้ง วงเงินตั้งแต่หลักพันเป็นต้นรวมแล้วหลายแสนบาท เมื่อตรวจสอบกับธนาคารอย่างแน่ชัดพบว่าเป็นการถอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มเป็น ค่าเติมเงินโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเจ้าของบัญชีไม่เคยเบิกถอนแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีเจ้าทุกข์อีกหลายรายที่เงินฝากสูญหายลักษณะเดียวกัน จึงเชื่อได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนับเป็นมูลค่ามหาศาล

      จากการสืบสวนในพื้นที่ไม่พบว่า ผู้ใดมีพฤติกรรมดังกล่าว ชุดสืบสวนจึงพุ่งเป้าตรวจสอบผู้จำหน่ายซิมการ์ดและบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือ ถือ กระทั่งทราบว่านายชัยยศคือหนึ่งในกลุ่มผู้ให้บริการที่นำซิมการ์ดนับร้อยใบ มาขายให้ลูกค้าที่ตลาดไนท์พลาซ่าเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อ ตรวจสอบอย่างแน่ชัดทราบว่ากระแสเงินได้ไหลเข้าหมายเลขโทรศัพท์ของนายชัยยศ อย่างผิดสังเกต จึงได้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์และสอบประวัติจนทราบว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้พัก อยู่ในอ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง จึงเฝ้าติดตามพฤติกรรมเพื่อประมวลเหตุการณ์ และพบว่าผู้ต้องสงสัยได้เปิดโต๊ะบริการเติมเงินโทรศัพท์ โดยมีลูกค้าในอ.วิเศษชัยชาญมากกว่า 40% ชุดสืบสวนจึงมั่นใจว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้เป็นคนร้ายที่ก่อเหตุขึ้น จากนั้นได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลและนำไปสู่การจับกุมในที่สุด

         สอบสวนผู้ต้องหารับว่าจะใช้อินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านโทรศัพท์มือถือเพื่อเจาะ ระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลตู้เอทีเอ็มบนอินเทอร์เน็ตและเขียนข้อมูลทับไฟล์ ที่มีอยู่ในระบบของ ผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่เป็นการปล่อยไวรัส โดยจำนวนเงินของลูกค้าของธนาคารแต่ละรายที่ตกเป็นเหยื่อจะขึ้นผ่านโทรศัพท์ มือถือของนายชัยยศ จากนั้นจะถูกนำไปเติมยอดในระบบซิมการ์ดแบบเติมเงิน สามารถโอนขายให้แก่ผู้ต้องการได้โดยไม่ต้องผ่านระบบอีโมบายที่มีรหัสลับ เฉพาะแต่ละบุคคล อีกวิธีหนึ่งคือการก๊อบปี้ข้อมูลของลูกค้าจากหน้าตู้เอทีเอ็มมาเชื่อมต่อกับ โทรศัพท์มือถือของตัวเอง

      รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ ต้องหารายนี้เรียนจบแค่ชั้น ป.4 สาเหตุเนื่องจากมีความผิดปกติทางสมอง ลักษณะคล้ายคนปัญญาอ่อน ไอคิวต่ำ ผู้ปกครองจึงให้ออกมาขายข้าวเกรียบว่าวอยู่ที่ตลาด อ.ศาลเจ้าโรงทอง ต่อมาในปี 2544 มีความสนใจเล่นโทรศัพท์มือถือจนมีความชำนาญ และมักซื้อโทรศัพท์รุ่นท็อปฮิตทุกรุ่นทุกยี่ห้อมาเล่นเป็นประจำ กระทั่งในปี 2545 เริ่มหันมาขายซิมการ์ด เติมเงินจากตู้เอทีเอ็มผ่านโทรศัพท์มือถือโดยให้ลูกค้าจดหมายเลขโทรศัพท์มา ให้อย่างเดียว หากเติม 1,000 บาท จะคิดราคาแค่ 800 บาท เป็นต้น ชื่อเสียงจึงเป็นที่รู้จักกันทั่วพื้นที่ อ.วิเศษชัยชาญ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะลงมือมาเกือบ 4 ปี ผู้ต้องหารายนี้ก็ไม่ร่ำรวยแต่อย่างใด

         ด้านนายวิเชียร เมฆตระการ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานปฏิบัติการบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสหรือเอไอเอส กล่าวว่าทางบริษัทคงตรวจสอบไม่ได้ว่าเงินที่โอนซื้อบัตรเติมเงินและตั้งโต๊ะ เติมเงินเป็นทรัพย์ที่ถูกยักยอกมาหรือไม่ แต่วิธีดังกล่าวถือเป็นรูปแบบหนึ่งในการฟอกเงิน ดังนั้นขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อบุคคลที่ตั้งโต๊ะขายบัตรเติมเงินราคาถูก ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบัตรเติมเงินที่นำมา ขายอาจมีความไม่ชอบมาพากล และถ้าซื้ออาจถูกจับในข้อหารับซื้อของโจรได้

ขอขอบคุณ jengsud ครับ

ข้อมูลจาก ruk-com.in.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

;